วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

กบง.เล็งทบทวนปรับราคาแอลพีจี-เอ็นจีวี


 เผยที่ประชุม กบง. 8 พ.ค. จะชะลอเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน และอาจจะทบทวนการปรับราคาแอลพีจี-เอ็นจีวี หลังต้นทุนราคาสินค้าที่สูงขึ้นเป็นผลมาจากราคาพลังงาน...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในวันที่ 8 พ.ค. จะชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากเบนซินและแก๊สโซฮอล์เป็นการชั่วคราว นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง.อาจทบทวนความเหมาะสมในการปรับราคาเอ็นจีวีและแอลพีจีภาคขนส่ง จากเดิมที่ให้ปรับราคาทุกวันที่ 16 ของเดือนในอัตรา 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม ในส่วนของเอ็นจีวี และ 75 สตางค์ในส่วนของแอลพีจีภาคขนส่ง ซึ่งที่ผ่านมาปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีไปแล้ว 2 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนแอลพีจีภาคขนส่งปรับไปแล้วรวม 3 บาทต่อกิโลกรัม

อย่างไรก็ตาม นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยที่ภาครัฐจะชะลอการปรับขึ้นราคาแอลพีจีและเอ็นจีวี เนื่องจากจะทำให้การปรับโครงสร้างราคาพลังงานสะดุดลง อีกทั้งเห็นว่าทั้งแอลพีจีภาคขนส่งและเอ็นจีวี ไม่ช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนได้

ขณะเดียวกัน สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) หรือ สบพ. ประเมินว่า โอกาสที่กองทุนน้ำมันจะกลับมาเป็นบวกคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ทั้ง แอลพีจี เอ็นจีวี และการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันของดีเซล ไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ โดยสถานะล่าสุด กองทุนน้ำมันยังติดลบอยู่ 2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ สบพ. คาดการณ์ว่าสถานะกองทุนจะเป็นบวก 3,877 ล้านบาท ในเดือน ธ.ค. 2555 เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี หากทยอยปรับเพิ่มการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จากกลุ่มน้ำมันเบนซิน 1 บาทต่อลิตรต่อเดือน ดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตรต่อเดือน รวมทั้งการปรับราคา แอลพีจี ภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง และปรับราคาเอ็นจีวี.

source : http://www.thairath.co.th/content/eco/258590





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น