ทุกครั้งที่มีการสำรวจความเห็นของคนเกี่ยวกับเมืองที่มีความสุขมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม โคเปนเฮเกนมักจะติดอยู่ในอันดับต้นๆ
ของเมืองที่มีความสุข เมืองที่น่าอยู่หรือมีการออกแบบเมืองที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกอยู่เสมอ
โคเปนเฮเกน เป็นเมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก และเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ คือประมาณ 5 แสนกว่าคน เมืองนี้ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันออกของเกาะซีแลนด์ เป็นย่านธุรกิจที่สำคัญ เนื่องจากมีการทำประมงและเป็นเมืองท่าของการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม โคเปนเฮเกนยังเป็นเมืองใหญ่ที่สวยงามและน่าสนใจเพราะมีการผสมผสานของวิถีชีวิตที่หลากหลาย
เหตุผลที่โคเปนเฮเกนติด อันดับเมืองน่าอยู่ตลอดกาลน่าจะเป็นเพราะความพยายามสร้างเมืองให้มีความ ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นด้านนโยบายหรือวัฒนธรรม แม้ว่าเมืองนี้อาจจะไม่สมบูรณ์แบบไปทั้งหมด แต่อย่างน้อยความสำเร็จบางประการก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่เมืองหลวงอื่นๆ ทั่วโลกน่าจะนำไปปรับใช้
ความสมดุลของงานและชีวิต
ครอบครัวเป็นศูนย์กลางในการดำรงชีวิตของชาวเดนมาร์ก บีบีซีเคยระบุว่า คนที่เป็นพ่อและแม่มีสิทธิ์ลาเลี้ยงดูบุตรที่เพิ่งเกิดและลาคลอดได้ตลอดปี โดยแบ่งกันลาคนละ 24 สัปดาห์ และจะได้รับเงินเดือนเต็มเป็นเวลาครึ่งหนึ่งของการลา ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะได้รับเงินเดือนมากถึง 90% และยังสามารถขยายการลาไปได้มากกว่า 9 ปี
นอกจากนี้รัฐบาลยังให้เงินอุดหนุนที่ครอบคลุมถึง 75% ของค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กวัยก่อนอนุบาลรวมถึงค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของค่า เล่าเรียนและการดูแลสุขภาพ และโดยวัฒนธรรมแล้ว ชาวโคนมไม่ค่อยถูกกดดันให้ต้องทำงานล่วงเวลา จึงมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น
ในขณะที่สวัสดิการทุกอย่างทำให้พวกเขาต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราที่สูง มาก (เดนมาร์กเป็นประเทศที่เก็บภาษีเงินได้สูงที่สุดในโลก) พวกเขาก็ยินดีที่จะจ่ายเพราะมีความไว้วางใจในรัฐบาลสูงมาก
โครงสร้างพื้นฐาน
โครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนที่สำคัญต่อการเป็นเมืองน่าอยู่ของโคเปนเฮเกนคือการเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับคนเดินถนนและนักปั่นจักรยาน ประชากรราว 35,000 คน หรือ 40% ของชาวโคเปนเฮเกนเดินทางโดยใช้จักรยาน จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองจักรยานอันดับหนึ่งของโลก
ที่นี่ส่งเสริมการใช้จักรยานถึงขั้นให้คนเช่าฟรี โดยให้จ่ายมัดจำไว้ก่อนและคืนเงินให้เมื่อนำจักรยานมาคืนและยังสร้างโครง ข่ายถนนสำหรับจักรยานระยะทางราว 350 กิโลเมตร พร้อมสัญญาณไฟจราจรด้วย รวมถึงมีระบบขนส่งมวลชนทั้งรถไฟใต้ดินและรถประจำทางครบครัน คนนิยมใช้บริการรถขนส่งสาธารณะและจักรยานเพราะราคาน้ำมันที่นี่ติดอันดับแพง ที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง ภาษีน้ำมันก็แพงมากประมาณ 4 โครนเดนมาร์กหรือ 21 บาทต่อลิตร
สถาปัตยกรรมที่ยั่งยืนก็เป็นนโยบายที่สำคัญของเมือง อาคารใหม่ส่วนมากถูกกำหนดให้ปลูกพืชและพรรณไม้ปกคลุมหลังคา ส่วนอาคารเก่าก็ถูกดัดแปลงให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนด ต้นไม้บนหลังคาจะช่วยลดการไหลบ่าของฝนและช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในอาคาร อันจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โคเปนเฮเกนยังพยายามที่จะเสาะหาพลังงานทางเลือกมาใช้ เช่น ซื้อพลังงานลมจากเกาะซัมซู (Samso) ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของโคเปนเฮเกน เพราะซัมซูเป็นเกาะคาร์บอนสมดุล (carbon neutral) หรือมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์และผลิตกระแสไฟฟ้าจาก พลังงานลม 100%
ในฐานะที่โคเปนเฮเกนพยายาม ที่จะทำตัวเองให้เป็นเมืองคาร์บอนสมดุลภายในปี ค.ศ. 2025 การขยายตัวทางเศรษฐกิจแบบยั่งยืนจึงเป็นความกังวลหลัก และเพื่อแสดงถึงความท้าทายของเป้าหมายที่ต้องการรักษาทั้งสิ่งแวดล้อมและ เศรษฐกิจ ทางเมืองจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำโลก 200 คนในหัวข้อ Global Green Growth Forum ในเดือนตุลาคมนี้
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ผู้ประกอบการภาคเอกชนด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์และเทคโนโลยีการสื่อสารรวม ถึงนักลงทุนทางภาคเทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้สร้างงานขนาดใหญ่ต่างร่วมมือทำงานกับบริษัทวิจัยของเมืองหลาย บริษัท โคเปนเฮเกนกำลังกลายเป็นเมืองแห่งการเริ่มต้นที่สำคัญ ซึ่งบางส่วนน่าจะมาจากคำมั่นสัญญาเรื่องการออกแบบและวัฒนธรรมของการทำงานร่วมกัน
เมืองนี้เป็นเจ้าภาพจัดงานสนับสนุนผู้ประกอบการหลายงาน เช่น การริเริ่ม "bootcamps" หรือซอฟต์แวร์ที่ทำให้สามารถรันวินโดวส์บนเครื่องแมคอินทอช เครื่องคอมพิวเตอร์ที่จำหน่ายโดยบริษัทแอปเปิล
การยอมตามใจตัวเองและทำในสิ่งที่ชอบ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีส่วนทำให้โคเปนเฮเกนเป็นเมืองแห่งความสุขและน่าอยู่ก็คือวัฒนธรรมที่บริสุทธิ์ ชาวโคเปนเฮเกนรู้ วิธีทำให้ตัวเองมีความสุขและมีช่วงเวลาที่ดีในขณะที่ยังสามารถรักษาสิ่งแวด ล้อมด้วย พวกเขากินอาหารจำพวกออร์แกนิคหรืออาหารที่ผลิตโดยไม่ใช้สารเคมีและชีวภาพใน ทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตมากกว่าที่อื่นๆ ในยุโรป และยังเป็นที่ที่มีการผลิตแอลกอฮอล์มากกว่าที่ใดๆ ในยุโรปด้วย (ส่วนมากเป็นออร์แกนิคเช่นกัน)
นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารติดดาวมิชลินถึง 14 แห่ง ซึ่งมากกว่าเมืองอื่นๆ ในสแกนดิเนเวียด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่โนม่า ภัตตาคารชื่อดังของเมืองได้รับรางวัลภัตตาคารที่ดีที่สุดในโลกถึง 2 ปีซ้อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น