source : http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/foreign/20120423/447972/%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%A3.html
แม้วันคุ้มครองโลก
ซึ่งตรงกับวันที่ 22 เมษายน
ของทุกปีจะผ่านมาแล้วแต่วันนี้ก็เป็นวันที่กระตุกให้ผู้คนหันมาตระหนักถึง
สิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น
แต่นอกเหนือจากอาการของ
โลกที่เราต้องใส่ใจแล้ว เทรนด์รักษ์โลกก็มีต้นทุนที่ต้องจ่ายไม่ใช่น้อยๆ
ผลสำรวจของแฮร์ริส พบว่า 34% ของผู้ใหญ่ที่ตอบแบบสอบถาม
มีความกังวลเกี่ยวกับโลก ลดลงจาก 43% ในปี 2552
ขณะที่หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ระบุว่า ชาวอเมริกันใช้เงินปีละประมาณ
1.75 แสนล้านดอลลาร์ ในการซื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อย่างกรณี ของเครื่องทำความสะอาดอากาศ ภายในอาคาร
ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ใช้ชีวิตมากถึง 90% ของทั้งหมดภายในอาคาร
ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพตามมา การทำความสะอาดอากาศภายในบ้าน
เพื่อกำจัดคาร์บอนมอนนอกไซด์ ก๊าซเรดอนที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
สารฟอร์มัลดีไฮที่มากับอุปกรณ์กำจัดกลิ่น และเศษซากผิวหนังของสัตว์
ทำให้ชาวอเมริกันควักเงินราว 2 พันล้านดอลลาร์
ซื้ออุปกรณ์เพิ่มคุณภาพอากาศภายในบ้านในปี 2554 อาทิ
เครื่องทำความสะอาดสารที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ แบคทีเรีย และรา ราคาประมาณ
450-1,000 ดอลลาร์
การประหยัดน้ำ ราว 70% ของโลก คือ น้ำ แต่มีไม่ถึง 1% ที่ดื่มได้
ข้อมูลจากหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมระบุว่า ครัวเรือนที่มีสมาชิก 4 คน
ใช้น้ำทุกวัน วันละ 400 แกลลอนซึ่งราว 27% มาจากการกดน้ำชักโครก ยกตัวอย่าง
หัวฝักบัวที่ลดการใช้น้ำเหลือ1 แกลลอนต่อนาที และสามารถประหยัดได้ปีละ
100 ดอลลาร์ มีต้นทุน 42 ดอลลาร์ ส่วนชักโครก"กลาเซียร์ เบย์"
ที่ใช้น้ำแกลลอนเดียวในการกดน้ำ มีราคา 198 ดอลลาร์
พืชกำจัดสารพิษที่อาจสร้างผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม เช่น
ว่านหางจระเข้ ที่ช่วยกำจัดฟอร์มัลดีไฮด์และเบนซิน
ที่มาพร้อมน้ำยาทำความสะอาดและสีทาบ้าน เจ้าพืชชนิดนี้มีราคา 14 ดอลลาร์
กระดาษเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ชาวอเมริกันใช้ผลิตภัณฑ์กระดาษ 68 ล้านตัน
ซึ่งทั้งกระดาษเช็ดมือ เช็ดปาก ทิชชู ที่เป็นมิตรควรมาจากการรีไซเคิล 100%
และในปี 2551 ชาวอเมริกันใช้เงิน 4.8 พันล้านดอลลาร์ไปกับกระดาษดีต่อโลก
ที่นอนสีเขียว ซึ่งผลิตจากฝ้ายหรือเส้นใยออร์กานิก
น่าจะช่วยปกป้องผิวจากการระคายเคืองและสารเคมี
อย่างที่นอนยางลาเท็กซ์ธรรมชาติสลีป เทค ขนาดควีนไซส์ ราคาอยู่ที่ 2,800
ดอลลาร์
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ ทั้งเครื่องซักผ้า ตู้เย็น
เครื่องปรับอากาศ เครื่องล้างจาน คอมพิวเตอร์ ทีวี
สามารถลดต้นทุนได้ด้วยการประหยัดพลังงานและการใช้น้ำ
โดยชาวอเมริกันควักเงินราว 8.67 หมื่นล้านดอลลาร์
ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่ง 1.9
หมื่นล้านดอลลาร์ ซื้อโทรทัศน์
หลอดไฟ มีสัดส่วน 18%
ของเม็ดเงินที่ใช้ซื้อผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน
ล่าสุด"ฟิลิปส์" เปิดตัวหลอดไฟเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรุ่นใหม่ราคา 60
ดอลลาร์ แต่มีอายุใช้งานนานกว่า 20 ปี
เครื่องควบคุมอุณหภูมิแบบตั้งโปรแกรม แต่ละครัวเรือนจ่ายค่าไฟเฉลี่ย
2,200 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งอาจช่วยประหยัดได้ราว 180ดอลลาร์ต่อปี
หากใช้อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิแบบนี้ และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย
เช่น เครื่องของฮันนีเวลล์ที่ขายในราคา 255ดอลลาร์
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดก็กรีนได้ อาทิ
ใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายทางชีวภาพ โดยในปี 255
ชาวอเมริกันใช้เงิน735 ล้านดอลลาร์ไปกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้
หน้าต่าง ประตู ช่องแสงบนหลังคา
หากเปลี่ยนมาใช้แบบที่ผ่านมาตรฐานประสิทธิภาพเอเนอร์ยี สตาร์
จะช่วยให้ผู้ใช้ลดรายจ่ายค่าไฟและลดการปล่อยคาร์บอน ฟุตปรินท์ 7-15%
พลังงานแสงอาทิตย์ ราคาบ้านที่ติดตั้งระบบนี้เต็มที่จะมีค่าใช้จ่าย
35,000ดอลลาร์ ส่วนปุ๋ยหมักนอกชายคา
โดยเอาขยะที่ย่อยสลายได้มาหมักเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้ในสวน
โดยถังหมักปุ๋ยที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล "ซอยล์เซฟเวอร์" มีราคา 100 ดอลลาร์
ขณะที่ รถไฮบริดทางเลือกใหม่ หากจอดรถยนต์ทิ้งไว้บ้านสัก 2
ครั้งต่อสัปดาห์สามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ 1,600ปอนด์ต่อปี
ดังนั้นจึงควรขับให้น้อยลงและใช้วิธีคาร์พูลมากขึ้น
ขณะที่รถยนต์ไฮบริดเป็นทางเลือกของคนซื้อรถ โดยยอดขายรถไฮบริดในปี 2554
อยู่ที่ 272,948 คัน ในปี 2554
อีกวิธีช่วยประหยัดต้นทุนพลังงาน คือ การใช้ฉนวนบนผนัง หน้าต่าง ประตู
และพื้น ซึ่งหากผ่านมาตรฐานเอเนอร์ยี สตาร์ จะช่วยประหยัดต้นทุนได้ 20%
อาหาร ต้องหลีกเลี่ยงการใช้วัตถุดิบที่ใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง
ทำให้อาหารออร์กานิกมีราคาแพงขึ้น โดยยอดขายอาหารออร์กานิกเพิ่มขึ้นจาก 2.4
หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2551 เป็น 2.67 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี2553
ผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลอย่างเครื่องสำอาง น้ำหอม ครีมกันแดด สบู่ แชมพู
ล้วนมีส่วนทำให้เกิดมลภาวะเพิ่มขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม ชาวอเมริกันควักเงิน
490ล้านดอลลาร์ ซื้อผลิตภัณฑ์เพอร์ซันนอล แคร์ ในปี 2554
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น