source : http://thai.cri.cn/247/2012/04/03/225s196456.htm
การพัฒนาพลังงานสีเขียวของจีน
ทำให้สื่อมวลชนต่างประเทศเกิดความสนใจอย่างมาก เมื่อเร็วๆ นี้ หนังสือพิมพ์
เดอะ การ์เดี้ยน(The Guardian)ของอังกฤษรายงานว่า ปี 2012
ปริมาณการใช้ถ่านหินของจีนจะมากถึง 50% ของทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกัน
จีนกำลังพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตพลังงานสีเขียวในเขตภาคตะวันตกอย่างเป็นขั้น
ตอน ทางการจีนกำหนดเป้าหมายว่า จนถึงปี 2020
ปริมาณการผลิตพลังงานหมุนเวียนจะครองสัดส่วน 15%
ของยอดการผลิตพลังงานของทั่วประเทศ
หนังสือพิพม์ เดอะ การ์เดี้ยนระบุว่า
การลงทุนมหาศาลด้านอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนอาจจะทำให้จีนกลายเป็น"ประเทศ
มหาอำนาจด้านพลังงานสีเขียว"
มณฑลกันซู่อยู่ทางภาคตะวันตกของจีน
ที่นี่เป็นถิ่นกำเนิดเหมืองน้ำมันแห่งแรกของจีน และมีเหมืองถ่านหิน
โรงงานเหล็กกล้าหลายแห่ง แม้ว่าเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของจีน
แต่ก็เกิดมลภาวะและทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง
พร้อมๆ กับนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนของจีน ปีหลังๆ นี้
ทางการจีนได้ใช้ความพยายามอย่างมาก
โดยลงทุนมหาศาลในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสี
เขียว พลังงานสะอาด และพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจ
ทำให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตมณฑลกันซู่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เมืองจิ่วฉวนซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 3 ของมณฑลกันซู
ปัจจุบันมีวิสาหกิจผลิตพลังงานหมุนเวียนกว่า 50
แห่งมาตั้งและเปิดทำการที่นี่ เมื่อก่อนในเขตนี้ กังหันลมไม่ค่อยมีให้ีเห็น
แต่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กังหันลมครอบคลุมเขตพื้นที่กว้างใหญ่ตามชานเมือง
เฉพาะเมืองจิ่วฉวนก็มีกำลังผลิตไฟฟ้าพลังลม 6,000 ล้านกิโลวัตต์
เท่ากับยอดการผลิตไฟฟ้าทั่วประเทศอังกฤษ
ทางการท้องถิ่นมีโครงการพัฒนา โดยกำหนดเป้าหมายว่า จนถึงปี 2015
ปริมาณการผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มจากปัจจุบัน 3 เท่า ถึงเวลานั้น
เขตนี้จะกลายเป็นโรงผลิตไฟฟ้าพลังลมที่ใหญ่ที่สุดของโลก
เมืองจิ่วฉวนภาษาจีนแปลว่า "น้ำพุแห่งเหล้าอร่อย"
ชื่อนี้มาจากตำนานที่เล่ากันว่า เมื่อ 2,000 กว่าปีก่อน
ชนเผ่าซงหนูซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าทางภาคตะวัตตกเฉียง
เหนืองของจีน มักจะเข้ามารุกรานแผ่นดินของชาวฮั่น
ทำให้ประชาชนท้องถิ่นใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้นทุกข์ทรมานและวาดกลัวตลอด
ดังนั้น กษัตริย์ฮั่น อวู่จี้ จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้นายพล ฮั่ว ฉวี้ปิ้ง
ไปปราบปราม
แม้ว่าการตามล่ากลุ่มทหารชนเผ่าน้อยบนหลังม้าเป็นเรื่องที่ยากมาก
แต่หลังจากการสู้่รบอย่างดุเดือดเป็นเวลาหลายปี
สุดท้ายก็ประสบความสำเร็จได้ กษัตริย์ฮั่น อวู่ตี้ทรงพอพระราชหฤไทยอย่างมาก
ทรงพระราชทานน้ำจันทร์ถังหนึ่งแก่นายพล ฮั่ว ฉวี้ปิ้ง
นายพลท่านนี้เป็นผู้มีจิตเมตตา
ต้องการให้ทหารที่ติดตามเขามาตลอดมีโอกาสดื่มเหล้าพระราชทาน
แต่มีเหล้าแค่เพียงถังเดียว ยังไงก็ไม่พอแจก คิดไปคิดมา
เลยตัดสินใจเทเหล้าลงในบ่อน้ำพุงแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในค่ายทหาร
ทำให้ในบ่อน้ำพุทั้งบ่อมีกลิ่นเหล้าหอม
ทหารทุกนายจึงได้มีโอกาสได้ดื่มเหล้าพระราชทาน
เมืองนี้จึงได้ชื่อจิ่วฉวนตั้งแต่นั้นมา
เมืองจิ่วฉวนเป็นเมืองที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล
ตั้งแต่ใต้จรดเหนือยาว 550 กิโลเมตร จากตะวันออกถึงตะวันตกยาว 608 กิโลเมตร
มีพื้นที่ประมาณ 200,000 ตารางกิโลเมตร แต่มีประชากรแค่เพียง 1.1 ล้านคน
ซึ่งถือว่าเป็นเขตที่มีประชากรน้อยมาก
เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขตโกบีและทะเลทราย
ผู้ที่เคยนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองตุนหวาง
ซึ่งเป็นเมืองขึ้นชื่อระดับโลกเนื่องจากมีถ้ำม่อเกาคู
สถานที่ที่มีพระพุทธรูปแกะสลักจำนวนมาก
ก็มักจะลงรถไฟที่เมืองจิ่วฉวนและนั่งรถบัสเดินทางต่อไปยังถ้ำ
เมื่อปี 1958
รัฐบาลจีนเลือกสถานที่สร้างศูนย์ส่งดาวเทียมภายในประเทศ
และพบว่าบริเวณเขตตะวันตกเฉียงเหนือของจีนเป็นเขตพื้นที่ทะเลทรายที่ทรุ
กันดาร มีประชากรน้อย จึงเริ่มสร้างฐานส่งดาวเทียมที่นี่ ตั้งแต่นั้นมา
ฐานแห่งนี้ได้ยิงส่งดาวเทียม
จรวดตลอดจนยานอวกาศเสินโจวด้วยความสำเร็จหลายครั้ง
เนื่องจากเมืองจิ่วฉวนเป็นเมืองที่ใกล้กับฐานยิงส่งที่สุด
ซึ่งห่างกันแค่เพียง 200 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น
ชาวจีนส่วนใหญ่จึงคุ้นเคยกับเมืองนี้ตั้งแต่นั้นมา
ขออนุญาตฝากลิงค์นะคะ
ตอบลบเล่นคาสิโนบนมือถือ เล่นผ่าน App บน iPad iPhone และ มือถือ ระบบ Android
ภาพ แสง สี เสียง สวยงามมากที่สุดในบรรดาเว็บคาสิโนออนไลน์ ที่นี่เลยค่ะ
https://www.111player.com