วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

ชาวบ้านอ่วม!LPGจ่อขึ้น8บาท “อารักษ์”ฟุ้งเตรียมพร้อมช่วยเหลือ

  กระทรวงพลังงาน ส่งสัญญาณทยอยปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนไตรมาสที่ 4 ชี้ต้องเป็นราคาเดียวกันภายใน เม.ย.ปี 2556 คาดราคาขึ้นกว่า 8 บาทต่อกิโลกรัม โวเตรียมมาตรการช่วยเหลือเพียบ ย้ำเปิดลงทะเบียนภาคครัวเรือนแท้จริงก่อนไตรมาส 4 นี้ พร้อมควักเงินกองทุนน้ำมัน 1 หมื่นล้านบาทต่อปี ตรึงแอลพีจี 20 ล้านครัวเรือน

    นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมต.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้เสนอแนวทางลดผลกระทบกับประชาชน จากกรณีราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2555 ที่ผ่านมา โดยให้ทยอยปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เป็นราคาเดียวกันทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคครัวเรือนจะทยอยปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงในไตรมาส 4 ของปี 2555 (ก.ย.-ธ.ค.) ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจะทยอยปรับในอัตราที่เท่าไหร่ แต่ทั้งนี้กระทรวงพลังงานจะมีมาตรการช่วยเหลือภาคครัวเรือนให้ใช้ราคาเดิม 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2555

      ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนก่อนถึงไตรมาส 4 กระทรวงพลังงานจะเปิดลงทะเบียนกลุ่มครัวเรือนที่แท้จริงคาดว่าจะมีประมาณ 20 ล้านครัวเรือน เพื่อให้ความช่วยเหลือ โดยนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาจ่ายชดเชยแทน ในเบื้องต้นได้เตรียมไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนวิธีดำเนินการการนั้นอาจใช้แนวทางการจ่ายเงินเข้าบัญชีประชาชนสำหรับชดเชยราคาแอลพีจีที่ปรับสูงเกินกว่า 18.13 บาทต่อกิโลกรัม

    สำหรับในส่วนของกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)รวมถึงผู้ค้าข้าวแกงรถเข็นต่างๆ กระทรวงพลังงานจะพิจารณาให้การช่วยเหลือตามข้อเท็จจริง โดยนำเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานไปช่วยเหลือ พร้อมทั้งให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ต้องอนุรักษ์พลังงานร่วมด้วย หรือหากกลุ่มใดต้องการความช่วยเหลือด้านสินเชื่อ กระทรวงพลังงานจะเป็นตัวกลางเจรจาช่วยเหลือตามความเหมาะสมต่อไป ส่วนในกลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิกนั้น กระทรวงพลังงานได้เตรียมเงิน 50 ล้านบาท ช่วยเหลือกลุ่มเซรามิกที่เหลืออีก 200 แห่งต่อไป

    “ราคาแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมและขนส่งได้ทยอยปรับขึ้นแล้ว แต่ในภาคครัวเรือนจะเริ่มปรับขึ้นไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และจะทยอยขึ้นไปจนถึงราคากลางที่กระทรวงพลังงานกำหนด คือ ราคาที่ไม่ทำให้เกิดการขายข้ามภาค ไม่เกิดการลักลอบไปจำหน่ายต่างประเทศ และสอดคล้องกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) โดยราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนจะไปเท่ากับราคาภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่งในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. ปีหน้าที่ 30.13 บาทต่อกิโลกรัม” นายอารักษ์ กล่าว

    สำหรับราคาแอลพีจี ปัจจุบันแบ่งเป็น 3 ราคา คือ ราคาภาคขนส่งอยู่ที่ 20.13 บาทต่อกิโลกรัม ราคาภาคอุตสาหกรรม 30.13 บาทต่อกิโลกรัม และภาคครัวเรือน 18.13 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม หากปรับขึ้นตามราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนให้สะท้อนราคาตลาดโลกที่ปัจจุบัน 884 เหรียญสหรัฐต่อตัน จะทำให้ราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนต้องปรับขึ้นเป็น 26.164 บาทต่อกิโลกรัม หรือปรับขึ้น 8.03 บาทต่อกิโลกรัม จากราคาปัจจุบัน 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ การปรับขึ้นราคาแอลพีจี สุดท้ายนั้นจะต้องพิจารณาราคาแอลพีจีในตลาดโลกเป็นหลักด้วย

    นายอารักษ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปตัวเลขครั้งสุดท้าย โดยจะมีการประชุมอีกครั้งระหว่างผู้ประกอบการ กระทรวงพลังงาน และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เป็นผู้ศึกษาโครงสร้างราคาเอ็นจีวี โดยตนจะเข้าร่วมประชุมเพื่อสรุปผลกันในเร็วๆ นี้ ส่วนมาตรการช่วยเหลือด้านราคาค่าไฟฟ้านั้น นายกรัฐมนตรีจะพิจารณาอีกครั้งในวันนี้ (1 พ.ค.) โดยเบื้องต้นจะกำหนดให้ผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน ได้เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าฟรี แทนกฎเกณฑ์เดิมที่กำหนดไว้ที่ 90 หน่วยต่อเดือน เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าเป็นกลุ่มครัวเรือนที่ยากจนและควรได้รับการช่วยเหลืออย่างแท้จริง.
++++++++++++++++

source: http://www.thaipost.net/news/010512/56152

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น