วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

จีนมีหวังกลายเป็น "ประเทศมหาอำนาจด้านพลังงานสีเขียว" (ตอนที่ 2)

source : http://thai.cri.cn/247/2012/04/03/225s196457.htm

ตามแผนของทางการจีนกำหนดเป้าหมายว่า จนถึงปี 2020 การผลิตพลังงานหมุนเวียนจะครองสัดส่วน 15% ของยอดการผลิตพลังงานทั่วประเทศ ซึ่งพลังงานสีเขียวส่วนใหญ่มากจากพลังงานนิวเคลียร์และพลังงานน้ำ แต่ทางการจีนก็ะพยายามพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมด้วย เมืองจิ่วฉวนเป็นเขตที่กว้างใหญ่และมีลมแรงพัดเข้ามาเกือบตลอดปี ชาวท้องถิ่นใช้คำเปรียบเทียบว่าเป็นแหล่งลมแห่งโลก ด้วยเหตุนี้ ที่นี่จึงเหมาะที่จะพัฒนาพลังงานลม
ปัจจุบัน ทุกวันจีนได้ติดตั้งกังหันลม 36 เครื่อง และสร้างเครือข่ายไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อส่งกระแสไฟฟ้าไปสู่เขตภาตตะวันออกภาค กลาง แต่คงมีปัญหาอย่างหนึ่งคือต้นทุนการผลิตพลังงานลมค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ
มีรายงานข่าวแจ้งว่า นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมระบุ ถ้ารวมค่าเสียหายที่เกิดจากการทำลายสิ่งแวดล้อมแล้ว กำลังการผลิตทางเศรษฐกิจของจีนอาจจะต้องลดลงครึ่งหนึ่ง
นาย หวาง อวี้ชิ่ง อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติจีนกล่าวว่า คาดว่า ปี 2011 การศูญเสียที่เกิดจากการทำลายสิ่งแวดล้อมอาจมากถึง 2.5 ล้านล้านหยวน เป็นสัดส่วนประมาณ 5-6 % ของยอดจีดีพีจีน
ทางการจีนจึงหวังว่าจะแก้ปัญหานี้ด้วยหลายรูปแบบ เช่น การเสริมการควบคุมมลภาวะ โครงการปลูกป่า โครงการชลประทาน อีกทั้งพยายามส่งเสริมให้ใช้พลังงานหมุนเวียนแทนพลังงานถ่านหิน แต่เนื่องจากทรัพยากรถ่านหินและก๊าซธรมชาติยังมีสมบูรณ์และราคาถูกด้วย ดังนั้นการบรรลุเป้าหมาย ตามที่ทางการจีนกำหนดไว้ที่ว่า จนถึงปี 2020 ปริมาณการผลิตพลังงานหมุนเวียนจะครองสัดส่วน 15% ของยอดการผลิตพลังงานทั่วประเทศนั้น และการบรรลุเป้าหมายลดการผล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ คงต้องใช้เวลาอีกหลายปี
อย่า่งไรก็ตาม เมื่อเชื้อเพลิงฟอสซิลสำคัญใช้เกือบหมดแล้ว การเปลี่ยนแปลงก็น่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็ว ตั้งแต่ทศวรรษปี 1980 เหมืองน้ำมันอวี้เหมินเมืองจิ่วฉวนลดน้อยลงกว่า 2 ใน 3
นายหวู เซิงเสีย ผู้อำนวยสำนักงานการพัฒนาและปฏิรูปเมืองจิ่วฉวนกล่าววว่า "เรารู้ว่า เชื้อเพลิงฟอสซิลมีจำนวนจำกัด และมีวันหมด เราต้องหาพลังงานอย่างอื่นมาทดแทน ปัจจุบัน ทางการท้องถิ่นได้ลงทุนกว่า 40,000 ล้านหยวนในการพัฒนาพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ แต่การลงทุนในด้านถ่านหินและน้ำมันรวมแล้วมีเพียงประมาณ 1,000 ล้านหยวน "
เขาพูดถึงแง่ดีอีกว่า " จนถึงปี 2030 พลังงานครึ่งหนึ่งของจีนอาจมาจากพลังงานหมุนเวียน ถึงเวลานั้น เมืองจิ่วฉวนก็จะมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก ปัจจุบัน ที่เมืองตุงหวาง มีฐานพลิตพลังงานแสงอาทิตย์ที่ทันสมัยทั่วเมือง ผู้คนที่โน่นก็มั่นใจว่า อีก 10 ปีให้หลัง ทุกครัวเรือนในเมืองตุงหวางจะใช้พลังงานสะอาด แผงโซล่าเซลล์สฟ้าที่ปูคลุมทะเลทรายโกบีจะเป็นวิวที่สวยงามอีกอย่าง"
อนึ่ง แหล่งข่าวแจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายซุน หวี้ฉัย รองประธานสหพันธ์สมาคมวิสาหกิจผลิตไฟฟ้าแห่งชาติจีนกล่าวในการประชุมสุดยอด พลังงานสะอาดจีนปี 2012 ว่า จีนกำลังปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมพลังขับเคลื่อนการพัฒนาไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด
ปัจจุบัน จีนได้กลายเป็นประเทศใหญ่ด้านการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ พลังลมและพลังแสงอาทิตย์ สถิติจากสหพันธ์สมาคมวิสาหกิจผลิตไฟฟ้าแห่งชาติจีนปรากฏว่า จนถึงสิ้นปี 2011 การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาดเช่นพลังน้ำ พลังนิวเคลียร์ พลังลมและพลังแสงอาทิตย์รวมแล้วครองสัดส่วน 27.5% ของยอดการผลิตไฟฟ้าทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ การผลิตไฟฟ้าพลังน้ำมีถึง 230 ล้านกิโลวัตต์ มากเป็นอันดับหนึ่งของจีน
ทางการจีนยังกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนว่า จนถึงปี 2020 ปริมาณการผลิตพลังงานหมุนเวียนจะครองสัดส่วน 15% ของยอดการผลิตพลังงานทั่วประเทศ การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จะลดน้อยลง 40 - 50 % เมื่อเทียกับปี 2005

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น