ระยะนี้เรื่องของแพงกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในสื่อต่างๆจนกลบประเด็น
อื่นๆเสียเกือบหมด และจำเลยตัวสำคัญที่ถูกโทษว่าเป็นตัวการที่ทำให้ของแพง
(นอกเหนือไปจากรัฐบาล) ก็คือราคาพลังงานนั่นเอง
ถึงขนาดพรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้ปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเลยทีเดียว
ในฐานะที่รับผิดชอบเรื่องการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน
ทำให้พลังงานมีราคาสูงขึ้นทั้งน้ำมันและก๊าซ
จนเป็นต้นเหตุให้สินค้ามีราคาสูงขึ้น
เรื่องราคาน้ำมันแพงทำให้สินค้ามีราคาแพง พูดทีไรก็มีคนเชื่อทุกที
ทั้งๆที่กระทรวงพาณิชย์เคยมีการทำสำรวจมาแล้วว่า
สินค้าแต่ละชนิดมีน้ำมันเป็นต้นทุนในการผลิตน้อยมาก
เพราะส่วนใหญ่ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานในการผลิต
มีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่บางแห่งใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิต
และโรงงานขนาดกลางและขนาดเล็กใช้น้ำมันเตาในการผลิต ซึ่งพลังงานทั้งสามชนิด
คือ ไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันเตา
ไม่ได้อยู่ในขอบข่ายการปรับโครงสร้างราคาพลังงานในครั้งนี้
การปรับโครงสร้างราคาพลังงานคราวนี้พุ่งเป้าไปที่การปรับโครงสร้างราคา
ก๊าซ LPG ในภาคขนส่งและก๊าซ NGV เป็นหลัก
ซึ่งอาจจะกระทบต่อผู้ประกอบการขนส่งบ้าง
แต่เป็นผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยสารมากกว่าผู้ประกอบการขนส่งสินค้าครับ
เพราะผู้ที่ได้รับผลกระทบต้องจ่ายค่าก๊าซ LPG/NGV ในราคาที่สูงขึ้น คือ
รถแท๊กซี่ รถตู้ รถเมล์
รถโดยสารประจำทางที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารระหว่างจังหวัด
ซึ่งขณะนี้บางส่วนก็ยังได้รับความช่วยเหลือในรูปส่วนลดจากปตท.อยู่ 2
บาท/ก.ก. ยังไม่ได้จ่ายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ดังนั้นการปรับโครงสร้างราคาในส่วนของ LPG/NGV
จึงไม่มีผลกระทบต่อราคาสินค้าแต่อย่างใด
อาจมีข้อโต้แย้งว่ามีรถบรรทุกสินค้าจำนวนหนึ่งซึ่งเปลี่ยนมาใช้ก๊าซ NGV
ได้รับผลกระทบทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ผมก็ต้องเรียนว่า จำนวนรถบรรทุกที่ใช้ NGV
นั้นมีปริมาณแค่ 4%ของจำนวนรถบรรทุกทั้งหมดเท่านั้น และรถบรรทุกที่ใช้ NGV
ก็ไม่เคยใช้ราคา NGV ในการคิดราคาค่าบรรทุกสินค้าเลย
จึงไม่มีสาเหตุใดๆให้เป็นข้ออ้างมาขอขึ้นราคาค่าบรรทุกสินค้า เพราะ NGV
ขึ้นราคาได้
ตอนนี้ก็เหลืออยู่เพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นนะครับที่จะใช้เป็นข้ออ้างใน
การขึ้นราคาค่าขนส่งที่จะทำให้ต้นทุนค่าสินค้าแพงขึ้นได้
นั่นคือราคาน้ำมันดีเซลที่แพงขึ้นทะลุลิตรละ 30 บาท
ที่รัฐบาลชุดที่แล้วเคยตรึงราคาเอาไว้ แต่รัฐบาลชุดนี้ไม่มีนโยบายดังกล่าว
ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ออกมาโจมตีนโยบายพลังงานของรัฐบาลชุดนี้ว่าผิดพลาด
และเป็นต้นเหตุของสินค้าราคาแพงอยู่ในปัจจุบัน
ผมลองตรวจสอบย้อนหลังดูประวัติการขึ้นลงราคาน้ำมันดีเซลครั้งสำคัญๆของรัฐบาลชุดนี้พบเหตุการณ์ที่น่าสนใจดังนี้ครับ
27 ส.ค. 54 ลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 2.80 บาท/ลิตร + vat 0.20
บาท/ลิตร มีผลให้ราคาลดลง 3.00 บาท/ลิตร จาก 29.99 มาอยู่ที่ 26.99
บาท/ลิตร
13 ม.ค. 55 ขึ้นราคาดีเซลเกิน 30 บาทเป็นครั้งแรก โดยอยู่ที่ 30.49 บาท/ลิตร
16 ม.ค. 55 เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 60 ส.ต. ทำให้ราคาขึ้นมาอยู่ที่ 31.13 บาท/ลิตร
12 มี.ค. 55 ราคาดีเซลขึ้นสูงสุดที่ 32.33 บาท/ลิตร หลังจากนั้นราคาปรับลดลงต่อเนื่อง 4 ครั้ง จนล่าสุด
9 พ.ค. 55 ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 30.83 บาท/ลิตร
กล่าวโดยสรุปก็คือรัฐบาลนี้ได้ลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิครละ 3 บาท
ตั้งแต่วันที่ 27 เดือนส.ค. 54 จนถึง วันที่ 16 เดือนม.ค. 55
แล้วจึงเก็บคืน 60 ส.ต. แสดงว่ารัฐบาลยังคงอุดหนุนอยู่อีกลิตรละ 2.40 บาท
(นอกเหนือจากภาษีสรรพสามิตที่เก็บอยู่เพียง 0.005 บาท/ลิตร
จากที่เคยเก็บสูงถึง 5.31 บาท/ลิตร)
นั่นหมายความว่าขณะนี้รัฐอุดหนุนผู้ใช้น้ำมันดีเซลสูงถึง 7.705 บาท/ลิตร
(2.40+5.305)
.ในขณะที่ผู้ใช้น้ำมันเบนซินต้องจ่ายทั้งเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันและภาษี
สรรพสามิตสูงถึงลิตรละ 11.00 บาท
แล้วอย่างนี้ยังจะเรียกร้องให้ตรึงราคาดีเซลให้เกินลิตรละ 30 บาทอีก
ผมว่ามันจะเป็นการแก้ปัญหาโดยไม่ได้ใช้สติปัญญามากจนเกินไป
ถ้าเรากลับไปทบทวนราคาน้ำมันดีเซลที่ผมยกมาให้ดูข้างต้น
เราจะพบว่าราคาดีเซลที่สูงกว่า 30 บาท เพิ่งจะเริ่มมาได้เพียงแค่ 4 เดือน
และที่สูงจริงๆ คืออยูระหว่าง 31-32 บาท ก็มีเพียงแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น
เดือนนี้ราคาก็เริ่มลดลงแล้ว
ดังนั้นถ้าจะมีผลกระทบต่อค่าขนส่งสินค้าจริงก็ไม่น่าจะมากนัก
อนึ่ง จากการศึกษาของกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานอิสระอีกหลายแห่ง
พบว่าชนิดของสินค้าที่จะได้รับผลกระทบจากค่าขนส่งที่สูงขึ้น
เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลแพงขึ้น
ได้แก่สินค้าอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก เช่น ปูนซีเมนต์
และเหล็กเส้นเป็นต้น สินค้าอุปโภคบริโภคโดยทั่วไปจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก
ดังนั้นผมจึงไม่อยากให้เราด่วนสรุปว่าการปรับโครงสร้างราคาพลังงานเป็นต้นเหตุทำให้สินค้าราคาแพง
แต่ผมไม่ได้โต้แย้งนะครับว่าสินค้าราคาไม่แพง
ผมยอมรับว่าสินค้าราคาแพงขึ้น โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป
แต่ไม่ใช่เพราะพลังงานราคาสูงขึ้นอย่างเดียว แต่มีปัจจัยอย่างอื่นที่มีส่วน
(อย่างสำคัญ) ทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้นด้วย
เรื่องการตรึงราคาพลังงานแล้วราคาสินค้าจะไม่แพง
ใครจะเชื่อก็เชื่อไปเถิดครับ แต่ผมคนหนึ่งละไม่ขอเชื่อเด็ดขาด
ก็เห็นๆกันอยุ่ในอดีตที่ผ่านมาหมาดๆนี่เอง นอกจากของแพงแล้ว
แถมยังเอาเงินผมไปอุ้มก๊าซอุ้มดีเซลอีกด้วย !!!
มนูญ ศิริวรรณ
source : http://www.dailynews.co.th/article/825/114525
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น