source : http://www.thainews-online.com/index.php?mo=3&art=618659
การค้นพบปิโตรเลียมในอ่าวไทย
เมื่อกว่า 30 ปี ที่ผ่านมา
ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศให้เข้าสู่ยุคที่เรียกว่า “โชติช่วงชัชวาล”
ด้วยประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงานได้มากขึ้น จนถึงปัจจุบัน
ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย ก็ยังคงเป็นพระเอกของแหล่งพลังงาน
ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้า เชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม
เชื้อเพลิงยานพาหนะ ก๊าซหุงต้ม และวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ธุรกิจสำรวจและการผลิตก๊าซนำมาซึ่งรายได้ของรัฐบาลทั้งในรูปค่าภาคหลวง
และภาษีเงินได้ ก่อเกิดการลงทุนในธุรกิจต่อเนื่อง
และการขยายตัวของเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศหลังการบรรลุข้อตกลงซื้อขายก๊าซธรรมชาติในแหล่งเอราวัณ
ในปี พ.ศ. 2521 ระหว่าง บริษัท ยูโนแคล ซึ่งปัจจุบันคือ บริษัท
เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กับภาครัฐ
ทำให้เกิดแหล่งก๊าซธรรมชาติเชิงพาณิชย์แหล่งแรกในอ่าวไทย โดยใช้ชื่อว่า
“แหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ” มีความหมายอันเป็นมงคลคือพลังของช้างสามเศียร
ซึ่งเป็นช้างทรงของพระอินทร์ จนในปี พ.ศ. 2524
แหล่งเอราวัณได้มีการผลิตก๊าซธรรมชาติขึ้นเป็นครั้งแรก
นำประเทศไทยเข้าสู่ยุคโชติช่วงชัชวาลอย่างแท้จริง
เพื่อสอดรับกับการผลิตก๊าซธรรมชาติที่กำลังจะเกิดขึ้น
ปตท. จึงได้มีการลงทุนวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติใต้ทะเล ที่ยาวที่สุดในโลกในขณะนั้น
(425 กิโลเมตร) มาขึ้นฝั่งที่จังหวัดระยอง
พร้อมกับการลงทุนสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 1
เพื่อแยกส่วนประกอบของก๊าซธรรมชาติ ไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้า
เป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรม เป็นเชื้อเพลิงในครัวเรือนในรูปของก๊าซหุงต้ม
และเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ทำให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องตามมานับจากแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณอ่าว
ประเทศไทยจึงมีการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ แหล่งบงกช
แหล่งไพลิน แหล่งปลาทอง หรือแหล่งบนบกเช่น แหล่งสิริกิติ์ และแหล่งน้ำพอง
เป็นต้น
ตามข้อมูลที่ได้มีการบันทึกไว้
ทำให้ทราบว่า นับจากการเจาะหลุมแรกในอ่าวไทย(หลุมสุราษฎร์-1) ถึงปัจจุบัน
มีผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมได้เจาะหลุมปิโตรเลียมแล้วรวมกัน ประมาณ 5,000
หลุมจากแหล่งปิโตรเลียมที่มีอยู่เกือบ 40 แหล่ง
คิดเป็นส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่รัฐได้รับมากกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี
นับเป็นเม็ดเงินจำนวนไม่น้อยในการนำไปจัดสรรเป็นงบประมาณในการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ หากเราลองเปรียบเทียบให้ประเทศไทยเป็นเสมือนร่างกายของมนุษย์
ปิโตรเลียมในอ่าวไทยก็คงเป็นเหมือนแหล่งอาหารหรือพลังงานที่คอยหล่อเลี้ยงร่างกายให้เราสามารถมีแรงออกไปกระโดดโลดเต้นแข่งขันกับคนอื่นๆ
ในเวทีโลกได้
ข้อมูลอ้างอิง;
จากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น