เกิดเหตุไฟดับครั้งใหญ่กินพื้นที่เป็นวงกว้างทางตอนเหนือของอินเดีย ซึ่งรวมถึงกรุงนิวเดลี
เหตุไฟดับกินพื้นที่ 8 แคว้นทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 300 ล้านคน ทำให้ไม่มีไฟฟ้าใช้ อาทิ อุตตรประเทศ ราชสถาน หรยาณา หิมาจัลประเทศ ปัญจาบ จามูและแคชเมียร์ รวมถึงกรุงนิวเดลี เมื่อช่วงประมาณ 02.30 น. หรือเช้ามืดของวันที่ 30 ก.ค. ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด
ทั้งนี้ แม้เจ้าหน้าที่จะเร่งแก้ไขอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถให้ทันกับช่วงเวลาเร่งด่วนที่ประชาชนต้องไปทำงานได้ สร้างความโกลาหลวุ่นวายไปทั่วกรุงนิวเดลี และตามตัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ เนื่องจากไฟจราจรดับ ขณะที่รถไฟหลายสายต้องยกเลิกการให้บริการ
นายสุชิล คูมาร์ ชินเด รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน กล่าวว่าสามารถกอบกู้สถานการณ์ได้บางส่วนแล้ว ในพื้นที่ราว 60% ที่ได้รับผลกระทบ ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ในไม่ช้า
อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า อะไรเป็นสาเหตุให้เกิดไฟดับครั้งนี้ ซึ่งถือว่ารุนแรงมากที่สุดในรอบมากกว่า 10 ปี นายชินเดกล่าวว่า ทางการได้คณะกรรมการสอบสวนแล้ว และรัฐที่ใช้ไฟฟ้ามากเกินตัวจะต้องหาสาเหตุให้ได้อย่างน้อยหนึ่งข้อ
เจ้าหน้าที่ได้พยายามกู้ไฟฟ้าให้กับสถานที่สำคัญๆ และจำเป็นก่อนคือโรงพยาบาล และระบบโทรคมนาคม ก่อนจัดการให้ระบบไฟฟ้ากลับมาใช้ได้อีกครั้งบางส่วนในช่วงสายของวันที่ 30 ก.ค. ขณะที่ระบบขนส่งสาธาณะกลายเป็นอัมพาต ประชาชนนับหมื่นติดอยู่ตามสถานีรถไฟในรัฐจัณฑีครห์ หรยาณา และปัญจาบ ขณะที่ระบบรถไฟใต้ดินในกรุงนิวเดลีต้องหยุดให้บริการนานกว่า 3 ชม. หลังจากได้รับระบบไฟสำรองจากภูฏาน เช่นเดียวกับสัญญาณจราจร ที่ส่งผลให้รถติดทั่วเมืองหลวง และระบบบำบัดน้ำเสีย
ด้านราม นายัค ผู้อำนวยการพาวเวอร์ กริด คอร์เปอร์เรชั่น รัฐวิสาหกิจผู้ให้บริการไฟฟ้าแก่สาธารณะกล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอยู่ในระหว่างการเร่งตรวจสอบสาเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต
ทั้งนี้ เหตุไฟฟ้าดับ ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งตามเมืองใหญ่ของอินเดีย เนื่องจากการโครงสร้างพื้นฐานที่ดี และอุปกรณ์ต่างๆที่ล้าสมัย ขณะที่อินเดียกำลังเร่งขยายบริการสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เนื่องจากพบว่าประชากรอีกหลายล้านคนยังไม่สามารถเข้าถึงระบบไฟฟ้า ขณะที่พลังงานที่ได้จากนิวเคลียร์คิดเป็น 3% ของพลังงานที่มีการใช้ทั่วประเทศเท่านั้น และแผนการขยายโรงไฟฟ้าได้รับการต่อต้านจากประชาชน
source : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1343637050&grpid=&catid=06&subcatid=0600
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น