วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ผ่าไอเดียโรงเรียนรักษ์โลก

ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมวันนี้ กำลังกลายเป็นโจทย์สำคัญสำหรับทุกคนในสังคม ไม่เว้นแม้แต่ในรั้วของสถานศึกษา

เพราะการปลูกฝังจิตสำนึกอนุรักษ์แก่เยาวชนถือเป็นปลูกสร้างโลกใบใหม่เพื่ออนาคตนั่นเอง

โครงการ Energy Mind Award โดยการไฟฟ้านครหลวง มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้การดำเนินงานด้านการอนุรักษ์พลังงานของสถานศึกษาดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนสร้างจิตสำนึกในการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมแก่เยาวชน เพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์พลังงานที่มีประสิทธิภาพที่ยั่งยืน

โดยที่ผ่านมาได้มีการจัดอบรม สร้างเครือข่ายประหยัดพลังงาน และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับโรงเรียนในพื้นที่ของกรุงเทพมหานครกว่า 250 โรงเรียน รวมทั้งจัดกิจกรรมรณรงค์ด้านพลังงานอยู่อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางเครือข่ายโรงเรียนประหยัดพลังงานก็ได้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์สิ่งแวดล้อม และการประชุมเครือข่ายโรงเรียนมาตรฐานระดับ 5 ดาว ขึ้นที่ เซนโยเซฟต์คอนเเวนต์ โดยได้มีการนำหัวข้อปัญหาด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อมมาตั้งวงเสวนา แลกเปลี่ยนความคิด แนวทางปฏิบัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกระแสอนุรักษ์ที่กำลังมาแรง

มะปราง-ชวัลนุช จันทร์พุฒ ชั้น ม. 4 สาย จีน-อังกฤษ หนึ่งในแกนนำนักเรียนโรงเรียนซางตาครู้สคอนแวนท์ แบ่งปันประสบการณ์การอนุรักษ์ และกิจกรรมภายในโรงเรียนว่า เกิดจากความร่วมมือร่วมใจ โดยเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวอย่าง น้ำ-ไฟ หรือขยะ จนกลายเป็นโครงการปรับพฤติกรรมสำหรับนักเรียนในที่สุด

"ส่วนตัวหนูก็โตมากับต้นไม้อยู่แล้วค่ะ ที่บ้านเป็นสวน แต่พอได้เห็นความเปลี่ยนแปลงจากสภาพแวดล้อมรอบบ้านที่เปลี่ยนไป หนูก็อยากมีส่วนช่วยในการให้คนมีจิตสำนึกที่ดีในการรักษ์โลก ก็เลยสมัครเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร เพื่อจะได้บอกทุกคนให้ทุกคนร่วมมือกันช่วยโลก" มะปรางเล่า

จากโครงการแยกขยะสะสมคะแนน เพื่อสร้างความร่วมมือให้กับนักเรียน จนเติบโตกลายเป็นโครงการอาสาสมัครพิทักษ์พลังงาน ถือเป็นการ "ขยายผล" ที่เธอ และเพื่อนๆ ภูมิใจ

"เรามีการรณรงค์ ปิด-เปิดแอร์ พร้อมกันในวิชาแรก แต่บางครั้งมันไม่ร้อนก็เปิดพัดลมเรียนไป มีการทำบอร์ดรณรงค์ ตลอด 4-5 ปี เราก็เห็นความเปลี่ยนแปลงในโรงเรียนอย่างเห็นได้ชัด โรงเรียนสะอาดขึ้น เด็กก็มีวินัยมากขึ้นค่ะ"

ที่โรงเรียนซางตาครู้สในปีนี้ได้มีการต่อยอดโครงการกลายเป็นแยกขวดน้ำ ขยายเครือข่ายศึกษาดูงานกับโรงเรียนใกล้เคียง อันถือเป็นอีกก้าวของการปลูกต้นอนุรักษ์กับเยาวชนต่อไป

ด้าน มิงค์-ไพลิน จเรฤทธิ์ นักเรียนชั้น ม. 3 โรงเรียนสีตบุตรบำรุง เล่าถึงการ "แบ่งสีพิทักษ์สิ่งแวดล้อม" ออกเป็น 3 สี แดง เหลือง เขียว โดยแบ่งหน้าที่ดูแลออกเป็นการอนุรักษ์ด้านต่างๆ ทั้ง ขยะ น้ำไฟ และเชื้อเพลิง โดยแตกออกเป็นโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หลังคาเขียว รณรงค์ปิดน้ำ ปิดไฟ และรณรงค์ดับเครื่องเมื่อจอดสำหรับรถยนต์ผู้ปกครองที่มารับ-ส่งนักเรียน

"เพราะสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่สำคัญต่อชีวิตเรา และคนรอบตัว รวมถึงโลกของเราเองด้วย ดังนั้นการทำกิจกรรม และความร่วมมือต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ส่วนตัวคิดว่า นอกจากจะได้บุญ ทำให้เราอิ่มใจแล้ว ยังเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ติดตัวไปในอนาคตด้วยค่ะ" เธออธิบาย

สำหรับ ดาว-นันทพร ผลโพธิ์ และ ปู-สุภาวดี มีนา คู่ซี้จากโรงเรียนหลวงพ่อปานคลองด่านอนุสรณ์ จ. สมุทรปราการ เล่าถึงปัญหาที่โรงเรียนต้องเผชิญตลอดมาก็คือ น้ำท่วมขัง ทำให้เกิดน้ำเน่าเสีย และปัญหาขยะ อันถือเป็น 2 เรื่องหลักที่มาตั้งวงแก้ปัญหากัน

สิ่งที่ทางโรงเรียนได้รณรงค์กับเด็กนักเรียนก็คือ การคัดแยกขยะ โดยเฉพาะเศษอาหารที่นำไปต่อยอดเป็นน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งนอกจากจะนำไปใช้ด้านการเกษตรแล้ว ยังช่วยลดปัญหากลิ่นของน้ำขังได้อีกด้วย ส่วนน้ำมันทอดซ้ำที่ใช้ในโรงเรียน ก็สามารถนำไปแปรรูปเป็นไบโอดีเซลเพื่อนำไปใช้งานต่อ ขณะที่บริเวณก๊อกน้ำ หรือสวิตช์ไฟ ก็จะมีป้ายรณรงค์ประหยัดพลังงานเอาไว้กระตุ้นเตือน แน่นอนว่า กว่า 2 ปีที่ทำกิจกรรม สภาพแวดล้อมโรงเรียนก็ดูดีขึ้น นักเรียนก็มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป

"ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า เพราะเราเป็นโรงเรียนขนาดกลางด้วยค่ะจึงทำให้เกิดความร่วมมือและเห็นผลเร็วขนาดนี้" สองสาวการันตีด้วยรอยยิ้ม

ส่วนโรงเรียนเจ้าภาพอย่าง เซนโยเซฟต์คอนเเวนต์ แพรว-สรัลชนา สุนทรศร กับ มัดหมี่-ณัฐมน สฤษดิ์ภิญโญยิ่ง ในฐานะพี่ใหญ่ของชั้น ม.ปลาย พูดถึงกิจกรรมอนุรักษ์ภายใต้โครงการ "แกนนำนักอนุรักษ์เพื่อโลกสวย" เพื่อปลูกฝังและเพิ่มความรู้ด้านการอนุรักษ์ให้กับนักเรียน จากกิจกรรมการแยกขยะ ขวดน้ำ การรณรงค์ปิดแอร์ น้ำ-ไฟ และคอมพิวเตอร์ อีกทั้งมีโครงการอนุรักษ์บำบัดน้ำเสีย กับการหมักปุ๋ยชีวภาพเอง โดยเอาเศษอาหารจากโรงเรียน

"นอกจากนี้เราก็มีการเดินรณรงค์เพื่อให้คนเห็นคุณค่าการประหยัดพลังงาน เพื่ออนาคตของโลกในวันพรุ่งนี้อยู่เป็นประจำอีกด้วยค่ะ" แพรวบอก

เห็นบรรดาอนาคตของชาติตื่นตัวกับกระแสอนุรักษ์ขนาดนี้ คงเป็นสัญญาณสำคัญส่งไปยังบรรดาผู้ใหญ่ในสังคมวันนี้ว่า ถึงเวลาหรือยัง ที่พลังงานและการอนุรักษ์จะกลายเป็นรูปธรรมขึ้นมาจริงๆ เสียที



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น