หากคุณรังเกียจการจราจรในกรุงเทพฯจนแทบอยากจะอาเจียน ลองคิดถึงหัวจิตหัวใจของผู้ขับรถที่เมืองที่ใหญ่ที่สุดของบราซิลดู แล้วจะรู้ว่ารถติดขั้นเทพนั้นเป็นอย่างไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย็นวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นฝันร้ายที่สุดของผู้คนที่นั่น เมื่อพบว่า สภาพการจราจรติดขัด ทั้งที่อยู่ในเมืองและต่อยาวเป็นหางว่าวออกไปชานเมือง กินระยะทางรวมกันทั้งสิ้นกว่า 180 กม.โดยเฉลี่ย ตามข้อมูลจากหน่วยวิศวกรรมจราจรของที่นั่น และอาจยาวได้ถึง 295 กม. ในวันที่เลวร้ายที่สุด
ไฟเบรคท้ายรถในยามค่ำคืนสามารถมองเห็นได้ไกลสุดสายตา การจราจรเป็นไปอย่างเชื่องช้า หยุดนิ่งสลับเคลื่อนไหว บางครั้งก็แทบไม่เคลื่อนไหวนานนับชั่วโมง
ฟาเบียนา เครสโป ผู้ขับรถรายหนึ่งกล่าวว่า มันเหมือนทะเลแห่งรถยนต์ ก่อนหน้าการแต่งงาน เธออาศัยกับครอบครัวทางตอนใต้ของเมืองเซาเปาโล ขณะที่ต้องทำงานในอีกฟากหนึ่งของเมือง แต่เมื่อแต่งงาน เธอเลือกที่จะซื้อบ้านใกล้ที่ทำงาน เพราะคิดว่าหากยังต้องผจญการจราจรเช่นนี้อีกอาจทำให้ชีวิตของเธอเหมือนตกนรก แต่หลังจากคลอดลูกคนแรก เธอต้องกลับไปช่วยธุรกิจครอบครัวที่บ้านเดิม จึงช่วยไม่ได้ที่เธอจะต้องก้มหน้ารับชะตากรรมเช่นนี้อีกครั้ง
เครสโปกล่าวว่า เฉลี่ยแล้วหนึ่งวัน เธอใช้เวลาบนท้องถนนในการเดินทางไปกลับบ้าน-ที่ทำงานเฉลี่ย 4 ชม. และว่าคนที่นี่ ล้วนแต่ตกเป็นทาสของการจราจรทั้งสิ้น วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ จึงต้องขึ้นอยู่กับการสัญจรเป็นหลัก
แน่นอนว่าปัญหาการจราจรติดขัด สร้างปัญหาให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนมากน้อยต่างกันในทุกประเทศ แต่สำหรับที่นี่ การต้องเผชิญกับสภาพรถติดสาหัส ถือเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่ประชากรกว่า 11 ล้านคนของที่นี่ต้องทำตัวให้เคยชินกับมัน
แต่ในท่ามกลางรถติดนี่เอง ที่ทำให้เธอได้พบกับสามีคนปัจจุบันเมื่อกว่า 9 ปีก่อน เครสโปกล่าวว่า ตอนนั้น เธออยู่ในรถกับเพื่อน ขณะที่เขากำลังขับรถอีกคันที่แล่นคู่กัน การจราจรติดขัด สลับหยุดนิ่งเป็นระยะๆ ทำให้เธอและเขาได้พูดคุยกันผ่านกระจกรถ กระทั่งเขาเอ่ยปากขอเบอร์โทรศัพท์ของเธอในที่สุด และความสัมพันธ์ที่ดีก็เริ่มนับแต่นั้น เธอกล่าวว่า นี่เป็นเรื่องเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกดีกับรถติด
สถานีวิทยุ Sul America Traffic Radio ได้ออกอากาศเพื่อรายงานสภาพการจราจร รวมถึงการเสนอทางเลือกให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนของที่นี่ตลอด 24 ชม. และตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ หลังการเริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อ 7 ปีก่อน ก็ได้รับความนิยมจากผู้ใช้รถใช้ถนน ที่ทำหน้าที่เป็นผู้รายงานสภาพการจราจรแบบทันท่วงทีในจุดต่างๆในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
สถานีมีทีมนักข่าวพร้อมเฮลิคอปเตอร์ ที่จะรายงานสภาพการจราจรจากมุมสูงในจุดสำคัญของเมือง และยังมีทีมภาคพื้นดิน ที่มักจะตกอยู่ท่ามกลางการจราจรติดขัดขณะรายงานข่าวเสมอๆ หนึ่งในนั้นมีวิคตอเรีย ริเบโร ที่งานของเธอการขับรถตระเวนไปทั่วเมือง เพื่อเดินทางไปยังจุดที่มีปัญหา และหาทางลัดให้แก่ผุ้สัญจรเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤต
ริเบโรกล่าวว่า เธอทำงานที่สถานีมาตั้งแต่การก่อตั้ง และเห็นว่าการจราจรของเมืองนี้มีแต่จะเลวร้ายลง รถยนต์เพิ่มปริมาณขึ้นขณะที่ถนนเท่าเดิม
อุตสาหกรรมรถยนต์ในบราซิลเติบโตอย่างมากในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา ขณะที่ประชาชนมีรายได้เพิ่มอันเนื่องมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ การซื้อรถจึงเป็นสิ่งแรกๆที่หลายคนตั้งเป้าหมาย เพื่อให้มีทางเลือกนอกเหนือจากระบบขนส่งสาธารณะ อย่างไรก็ดี ขณะที่การบูมอย่างสุดขีดของยอดขายรถยนต์เป็นปัจจัยส่งเสริมสภาพเศรษฐกิจของบราซิล แต่นั่นยิ่งเป็นการผลักให้นครเซาเปาโล ตกอยู่ในสภาพ"ทะเลรถยนต์"อย่างช่วยไม่ได้
ริเบโรเปรียบเทียบสภาพการจราจรของที่นี่ว่าเหมือน"สงคราม" ผู้ขับรถพร้อมที่จะเห็นแก่ตัว และแก่งแย่งแข่งขัน ได้ในทันทีที่นั่งประจำอยู่หลังพวงมาลัย และสำหรับคนที่มีเงินมากพอ พวกเขาก็จะมีทางเลือกมากกว่า และ"ลอยตัว"อยู่เหนือปัญหาเหล่านี้ได้อย่างสบายๆ
ธุรกิจเช่าเฮลิคอปเตอร์ ถือเป็นทางเลือกของผู้มีฐานะดี ที่นอกจากไม่ต้องการหัวเสียกับสภาพจราจรแล้ว พวกเขายังสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับการเกิดอาชญากรรมตามท้องถนน
เซอร์จิโอ อัลซิเบียเดส ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กล่าวว่า การเช่าเฮลิคอปเตอร์เพียง 2-3 ชม. ก็สามารถช่วยให้เขา สามารถเดินทางไปทำธุรกิจในที่ต่างๆมากเท่าที่ต้องการ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากต้องเดินทางไป-กลับบนพื้นดิน ขณะที่ตัวเขาเอง นิยมใช้บริการดังกล่าวเฉลี่ยเดือนละ 2-3 ครั้ง และว่าสำหรับเขาแล้ว นี่เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้เขาหาเงินได้เพิ่มขึ้น
ยอร์ช บิททาร์ เจ้าของบริษัท เฮลิมาร์ท แอร์ แท็กซี กล่าวว่า บริษัทของเขามีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 10% ต่อปี และเฮลิคอปเตอร์ที่มีอยู่ 16 ลำ ก็แทบจะถูกใช้งานไม่ว่างเว้น และว่ายิ่งการจราจรติดมากเท่าใด ก็จะยิ่งดีกับธุรกิจของเขามากขึ้นเท่านั้น
แม้จะทำให้บางธุรกิจรับทรัพย์ไปแบบเต็มๆ แต่คลอดิโอ บาร์เบรี ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมและการข่นส่ง จากมหาวิทยาลัยเซาเปาโล กล่าวว่า รถติด ได้ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพและการทำธุรกิจอย่างช่วยไม่ได้
เขากล่าวว่า หากเรามีธุรกิจรถบรรทุกส่งสินค้าหนึ่งคัน และไม่สามารถเพิ่มเที่ยวการขนส่งได้มากกว่า 6 หรือ 8 เที่ยวต่อวัน แทนที่จะได้มากถึง 16-20 เที่ยว ทำให้เราต้องเพิ่มรถบรรทุกอีกคัน ซึ่งนี่เท่ากับเป็นการเพิ่มต้นทุนให้เพิ่มขึ้นด้วย
ทางด่วน Marginal Pinheiros
หนึ่งในเส้นทางสัญจรหลักของเซาเปาโล
เขากล่าวว่า เซาเปาโลมีวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญที่สามารถทำให้การจราจรของที่นี่ดีขึ้นได้บ้าง แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าก็คือ ชาวบราซิลมีการวางแผนที่ค่อนข้างแย่ และการจราจรจะสามารถจัดการได้มากขึ้น หากเราเริ่มมองหาวิธีการที่แก้ปัญหาระยะยาวได้ ซึ่งเขามองว่าน่าจะเป็นวิธีที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด
เขากล่าวว่า ไม่มีเมืองไหนในโลกจะสามารถจัดการเพื่อยุติปัญหารถติดได้ เพราะเมื่อการจราจรเริ่มคล่องตัว ผู้คนก็จะรีบบึ่งรถออกไปบนถนนอีกครั้ง กุญแจสำคัญก็คือ การหาจุดสมดุล ที่ซึ่งคุ้มค่ากับความพยายามที่เสียไปของผู้สัญจรโดยใช้บริการขนส่งสาธารณะ เพื่อให้เห็นว่า เป็นการเดินทางที่รวดเร็วกว่า
สิ่งที่คนเซาเปาโลต้องการที่สุด ไม่ใช่การตัดถนนเพิ่มหรือสร้างทางด่วน เพราะนั่นจะยิ่งทำให้ปริมาณรถเพิ่มขึ้นอีกไม่รู้จบ แต่เป็นการลงทุนระบบการขนส่งสาธารณะ
Source: Sao Paulo: A city with 180km traffic jams By Paulo Cabral, BBC
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น