source : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1355420510&grpid=02&catid=19&subcatid=1901#
ปตท.หวั่น
เจรจาซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากแหล่งเชลก๊าซสหรัฐสะดุด
หลังกระทรวงพลังงานประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่ม
ส่งผลให้ความต้องการใช้ก๊าซลดลง จี้รัฐขอความมั่นใจ
พร้อมให้การสนับสนุนสัญญาซื้อก๊าซ
และยอมรับความเสี่ยงจากราคาปรับขึ้น-ลงในอนาคตร่วมกัน
คาดราคาซื้อขายไม่เกิน 12 เหรียญ/ล้านบีทียู
แหล่งข่าวในบริษัท
ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า
ในฐานะผู้จัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)
ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP ฉบับล่าสุด
(ปรับปรุงครั้งที่ 3) ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อซื้อก๊าซ LNG
จากแหล่งเชลก๊าซในประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากราคาเนื้อก๊าซ LNG อยู่ที่
3.5-4 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู
เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายเพื่อทำให้สถานะก๊าซเป็นของเหลวติดลบที่อุณหภูมิ 160
องศา กับค่าขนส่งทางเรือที่ 7-8 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู
จนกระทั่งขนส่งมาถึงไทยราคาจะอยู่ที่ 12 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู
ราคา
ก๊าซ LNG จากแหล่งดังกล่าวถือว่าค่อนข้างถูก เพราะอ้างอิง Henry Hub
หรือตลาดก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แทนที่จะอ้างอิงกับราคาน้ำมันตลาดโลก เหตุผลสำคัญที่ทำให้บริษัท
ปตท.สนใจซื้อก๊าซจากแหล่งนี้ เพราะมีการเตรียมที่จะผลิตก๊าซจากหลายโครงการ
ทำให้มั่นใจในแง่ของความมั่นคง หากการผลิตในโครงการใดมีปัญหา
ก็สามารถส่งก๊าซจากโครงการอื่น ๆ มาเสริมได้
ที่สำคัญการผลิตจากแหล่งนี้ในเฟสที่ 2 จะเข้าระบบภายในปี 2560
ซึ่งเป็นช่วงที่มีความต้องการใช้จากโรงไฟฟ้าใหม่ในประเทศไทยด้วย
"แห
ล่งเชลก๊าซค่อนข้างตรงกับความต้องการของ ปตท.
คือราคาต่ำเมื่อเทียบกับแหล่งอื่น
รวมถึงโครงการนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
ซึ่งมั่นใจได้ว่าจะมีการผลิตเกิดขึ้นแน่นอน
และภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐแล้วเสร็จ
ในระดับนโยบายของสหรัฐจะชัดเจนขึ้นว่าจะมีการผลักดันให้เดินหน้าพัฒนาแหล่ง
ดังกล่าว และเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเริ่มเข้ามาเจรจามากขึ้น"
แหล่ง
ข่าวกล่าวว่า ที่น่าห่วงคือขณะนี้ก็คือแผนเจรจาอาจจะ "สะดุด"
เนื่องจากบริษัท ปตท.ค่อนข้างกังวลใน 2
ประเด็นที่ต้องการให้รัฐบาลและกระทรวงพลังงานมีนโยบายที่ชัดเจน คือ 1)
การปรับแผนรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มเป็น 20,000 เมกะวัตต์
ตลอดทั้งแผน PDP ของนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเมื่อเร็ว ๆ นี้
ซึ่งอาจจะกระทบต่อความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ จึงขอความชัดเจนว่า ตามแผน
PDP ความต้องการปริมาณก๊าซ LNG จะเป็นอย่างไร
และ
2) เงื่อนไขสัญญาซื้อขายก๊าซ LNG
ที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา
อาจจะมีรายละเอียดในบางเงื่อนไขที่อาจจะมีความ "เสี่ยง" อยู่บ้าง
จึงต้องการให้กระทรวงพลังงานให้การสนับสนุนสัญญาซื้อขายดังกล่าว
และเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนรับทราบ
โดยเฉพาะในประเด็นราคาที่อาจจะมีโอกาสปรับขึ้น-ลง ตามกลไกตลาดได้
ยก
ตัวอย่างเงื่อนไขสัญญาซื้อขาย คือ ราคาซื้อขายก๊าซ LNG
ต้องเป็นไปตามกลไกตลาด ฉะนั้นต้อง "ยอมรับ"
ราคาที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคตด้วย นอกจากนี้ในสัญญาระบุว่า
หากมีเหตุการณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของปริมาณก๊าซธรรมชาติภายใน
ประเทศสหรัฐ อาจจำเป็นต้องระงับการซื้อขาย-ส่งออกจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ซึ่งผู้ซื้อจะต้องแบกรับต้นทุนในกรณีเช่าเรือขนส่งก๊าซ LNG มาลอยลำรอไว้
โดยต้นทุนขนส่งด้วยเรือปัจจุบันอยู่ที่ 7-8 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู
"ปตท.ทำ
หน้าที่แทนรัฐบาล ต้องยอมรับว่าการเจรจาซื้อขายก๊าซ LNG
ในแต่ละแหล่งนั้นมีข้อดี-ข้อเสีย
เชลก๊าซเป็นแหล่งใหญ่ที่ซัพพอร์ตได้ในระยะยาว
แต่เรื่องสัญญายังต้องดูในรายละเอียดอีกมาก
และก่อนที่จะมีการตกลงกันก็อยากจะขอคำแนะนำจากกระทรวงพลังงาน
เพราะกฎหมายของสหรัฐอาจยังไม่ค่อยคุ้นเคยกัน
เพื่อให้ยอมรับร่วมกันถึงผลที่จะ
เกิดขึ้นไม่ว่าราคา LNG จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ตาม"
แหล่ง
ข่าวกล่าวอีกว่า
แหล่งเชลก๊าซได้กลายเป็นแหล่งพลังงานที่ทั่วโลกจับตามองและต้องการจะเข้ามา
เจรจาซื้อก๊าซ ทั้งนี้รัฐบาลของสหรัฐจะประกาศชัดเจนในช่วงต้นปี 2556
นี้ว่าจะพัฒนาแหล่งเชลก๊าซนี้อย่างไรต่อไป
และอาจจะเปิดให้กับผู้สนใจเข้ามาเจรจา
ฉะนั้นในช่วงนี้รัฐบาลไทยจะต้องชัดเจนแล้วว่า มีความสนใจที่จะซื้อก๊าซ LNG
จากแหล่งดังกล่าวหรือไม่
เพราะกระบวนการของไทยค่อนข้างใช้เวลา
หากระดับนโยบายไม่ชัดเจน ทางสหรัฐอาจจะเปิดโอกาสให้กับผู้สนใจรายอื่น ๆ
ก่อน ซึ่งหากไทยต้องการจะซื้อก๊าซจากแหล่งนี้ต่อไป
อาจจะต้องรอการพัฒนาในระยะที่ 3 และอาจต้องใช้เวลามากขึ้น ในขณะที่บริษัท
ปตท.อาจจะต้องไปเจรจาซื้อก๊าซ LNG ในตลาดจรเพิ่มขึ้น
เพื่อรองรับความต้องการใช้ในปี 2560
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า
การพัฒนาแหล่งเชลก๊าซครั้งนี้ของประเทศสหรัฐ
ทำให้ปริมาณสำรองพลังงานของประเทศสูงขึ้นและเพียงพอต่อความต้องการในอนาคต
ส่งผลกระทบต่อราคาก๊าซธรรมชาติให้ลดต่ำลงในรอบทศวรรษ ราคาแตะอยู่ที่ 2
เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู
เบื้องต้นมีการคาดการณ์ว่าแหล่งเชลก๊าซมีปริมาณมหาศาล
และค่อนข้างดึงดูดความสนใจจากบริษัทพลังงานจากทั่วโลก
โดยล่าสุด
ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า มีทั้งบริษัท ซาอุดี เบสิก อินดัสทรีส์
เป็นบริษัทปิโตรเคมีรายใหญ่ของโลกกำลังเจรจาเข้าไปลงทุนในสหรัฐ
นอกจากนี้ยังมีบริษัทดาว เคมีคอล, โคโนโคฟิลิปส์, เชฟรอน, รอยัล ดัตช์
เชลล์ และลีออนเดลบาเซลล์ ที่สนใจจะขยายการลงทุนเชลก๊าซด้วย
ทั้งนี้
ตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) กำหนดให้บริษัท
ปตท.นำเข้าก๊าซ LNG ในปริมาณ 5 ล้านตัน/ปี ตั้งแต่ปี 2559 ทั้งที่เป็นสัญญา
Spot (ตลาดจร) แบบสัญญาระยะสั้น และระยะยาว
โดยก่อนหน้านี้ได้ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซกับบริษัท Qatar Liquefied Gas
Company Limited ในปริมาณ 2 ล้านตัน/ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2558 ในปริมาณ 1
ล้านตัน/ปี และให้เพิ่มขึ้นเป็น 2-3 ล้านตัน/ปี ในช่วงปี 2556-2557
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น